ทำไมคลิปวิดีโอสั้นถึงครองโลก? เทรนด์ที่แบรนด์และนักการตลาดไม่ควรพลาด

กระแสของคลิปวิดีโอสั้นในวงการการตลาดเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคมีความสนใจกับคอนเทนต์ลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2025 ก็ยังจะคงเป็นแบบนั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านเราเห็นผู้ประกอบการทั้งเล็ก-ใหญ่แห่มาทำ Short Video กันเป็นแถว จนปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าธุรกิจไหนไม่มีคลิปวิดีโอสั้น ถือว่าเป็นเรื่องแปลกเลยทีเดียว ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น โลกเราเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ยังไง(เล่นใหญ่) มาคุยเรื่องนี้กันครับ!

การรับชมวิดีโอสั้นมีสถิติที่น่าสนใจระบุว่า 73% ของผู้บริโภคชอบดูรีวิวสินค้าและบริการแบบวิดีโอสั้น หรือเอาให้ใกล้ตัวกว่านั้นทุกวันนี้เวลาจะซื้อของ ดูรีวิวสั้นๆ ก็ดูผ่านวิดีโอสั้นกันหมด ไปจนถึงซื้อของจากคลิปนั้นได้เลยอีก โอกาสในการทำเงินเยอะขนาดนี้ มีหรือที่แบรนด์หรือผู้ประกอบการจะไม่ฉกฉวยมาเป็นโอกาสของเราบ้าง ? 

ทำไมคลิปสั้นถึงน่าสนใจ

1.วิดีโอสั้นลงตามสมาธิของคน

สาเหตุที่วิดีโอสั้นครองใจผู้บริโภคสุดๆ นี้เนี่ย มันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับอยู่จากหนังสือ Attention Span : A Groundbreaking Way to Restore Balance, Happiness and Productivity ทำการวิจัยโดยการใช้เครื่องจับเวลาบันทึกกิจกรรมที่อาสาสมัครทำและพบว่าโฟกัสของมนุษย์ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ปี 2004 ผู้ใช้บนหน้าจอมีระยะเวลาโฟกัสอยู่ที่ประมาณ 2:30 นาที

ปี 2012 ผู้ใช้บนหน้าจอมีระยะเวลาโฟกัสลดลงเหลือ 75 วินาที

จนกระทั่งปัจจุบันเหลือเพียง 47 วินาที

โฟกัสของคนเราสั้นลงเรื่อยๆ ด้วยความที่การเข้าถึงของข้อมูลรวดเร็วกว่าแต่ก่อนมากๆ ส่งผลให้ระยะเวลาในการเสพสื่อก็สั้นลงเช่นกัน วิดีโอสั้นจึงเป็น King of Content ในยุคนี้เลยก็ว่าได้

2.ดูเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ

วิดีโอสั้นต้องการเพียง “เศษเวลา” ของเราเพื่อโชว์ว่าคอนเทนต์ของเขาน่าสนใจยังไง สังเกตพฤติกรรมของเราดูครับว่าเราใช้เวลาเพียง 3 นาที ในการดูวิดีโอไม่ต่ำกว่า 3 คลิป จากการไถฟี้ดในแพลตฟอร์มต่างๆ แม้กระทั่งตอนติดไฟแดง เรายังนั่งดูจบไปตั้งหลายคลิป(ปลอดภัยไว้ก่อนนะครับ) นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าวิดีโอสั้น คือสื่อที่เข้าถึงผู้คนที่ง่ายที่สุด

3.ดึงดูดให้คนดูมีส่วนร่วมได้ง่าย

วิดีโอสั้นถูกแชร์ต่อได้ง่ายเพราะ ใช้เวลาน้อยในการดูจบ คนรับสารได้ครบในไม่กี่วินาที ไม่ต้องคิดเยอะก็กดแชร์เลย อีกอย่าง เนื้อหากระชับ ตรงประเด็น ดูแล้วเข้าใจทันที แบบที่บางทีไม่ต้องอธิบายเพิ่มอยากส่งให้เพื่อนดูก็แท็กไปหรือแชร์ไป ก็จะรู้กันโดยที่ไม่ต้องอธิบายเพิ่มนอกจากนี้ อารมณ์ก็มีผลเยอะ วิดีโอที่ตลก แปลกใหม่ หรือ relatable มักทำให้คนอยากส่งต่อให้เพื่อนรู้สึกเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มก็ออกแบบมาให้แชร์ง่าย แค่กดปุ่มเดียว หรือใช้ฟีเจอร์อย่าง Stitch, Duet ก็สร้าง engagement ได้แล้ว สุดท้าย มันตอบโจทย์วัฒนธรรมไวรัล เพราะหลายคลิปเป็นเทรนด์ที่คนอยากมีส่วนร่วม แชร์ให้เพื่อนดู หรือแท็กให้มาลองทำตาม วิดีโอสั้นก็เลยสะดวกสุดๆ

กลยุทธ์การทำคลิปวิดีโอสั้นให้ปัง (ที่ไม่ใช่แค่ตามกระแส)

ศาสตร์ในการทำวิดีโอไม่ว่าจะสั้นหรือยาวมี 2 อย่างที่ต้องคำนึงคือ 

1.Content

คอนเทนต์หรือเนื้อหาคือแกนหลักของวิดีโอ ต่อให้ตัดต่อดีแค่ไหน ถ้าเนื้อหาไม่แข็งแรงก็จบ เพราะมันต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน ว่าเรากำลังเล่าเรื่องอะไร และอยากให้คนดูรู้สึกหรือเข้าใจอะไร ไม่ใช่แค่โยนข้อมูลใส่ผู้ชมแบบลอยๆ แต่ต้อง จับประเด็นให้อยู่ ไม่น้อยไปจนดูไม่มีอะไร และไม่เยอะไปจนคนงงว่าตกลงจะสื่ออะไร ถ้าคอนเทนต์แน่น ทุกอย่างที่ใส่เข้าไปในวิดีโอจะมีความหมาย

2.Context

นอกจากคิดว่า “จะเล่าอะไร” แล้ว ต้องคิดต่อไปอีกว่า “จะเล่ายังไง”  บางเรื่องต้องเร็ว กระชับ ตัดไวถึงจะอิน บางเรื่องต้องใช้จังหวะ ต้องใส่หยุด ต้องดึงอารมณ์ ทั้งหมดนี้คือเรื่องของ Context ตั้งแต่ สคริปต์ การเรียงซีน การเปลี่ยนฉาก ไปจนถึงโทนเสียงและสีของวิดีโอ ทุกองค์ประกอบทำงานร่วมกันเพื่อให้คนดูเข้าใจและรู้สึกตามไปกับเรื่องที่เราสื่อ ถ้ารวมกันอย่างลงตัว วิดีโอจะไม่ใช่แค่ “ดูจบ” แต่จะ “ตรึงคนดู” ได้จริงๆ 

วิเคราะห์ Short Video ของแต่ละ Platform

1.Tiktok

เชื่อไหมครับว่า TikTok ที่หลายคนยังมองว่าเป็น “น้องใหม่” เมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียรุ่นพี่ๆ แท้จริงแล้ว มีอายุกว่า 10 ปีแล้ว! และที่ปฏิเสธไม่ได้คือ แอปนี้เองที่เป็น จุดเปลี่ยนของวงการ Short Video จนกลายเป็นกระแสหลักแบบเต็มตัว ตั้งแต่ยุคที่เป็นแค่แพลตฟอร์มเต้นสนุกๆ พัฒนาต่อมาเป็นเครื่องมือการตลาดสุดทรงพลัง และปัจจุบันกลายเป็น Social Commerce ขนาดใหญ่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความร้อนแรงลงเลย (แม้จะโดนเพ่งเล็งจากฝั่งสหรัฐฯ อยู่ก็ตาม!)

สิ่งที่ทำให้ TikTok ทรงพลังขนาดนี้ ก็คือ อัลกอริทึมที่ให้โอกาสไวรัลสูง วิดีโอที่น่าสนใจสามารถ ติด For You Page ได้แม้จะเป็นครีเอเตอร์หน้าใหม่ จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการผลักดัน คอนเทนต์ที่ผู้ชมมีแนวโน้มจะชอบ เช่น How-To, เทรนด์ไวรัล, และมีมตลกๆ ซึ่งมักจะทำให้คนดูแล้วดูอีก ส่งผลให้ ค่าเฉลี่ย Watch Time สูงขึ้น และวิดีโอก็จะถูกกระจายไปยังผู้ชมกลุ่มกว้างขึ้นแบบอัตโนมัติ

จากมุมมองนักการตลาด TikTok ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์ม แต่เป็น “ดินแดนแห่งโอกาส” ที่มีผู้ใช้กว่าพันล้านคนทั่วโลก การเติบโตยังไปได้อีกไกล และสำหรับแบรนด์ที่รู้จักใช้มันให้เป็น นี่คือโอกาสทองที่ไม่ควรมองข้าม

2.IG Reels

เทรนด์วิดีโอสั้นที่กำลังเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2020 Instagram ก็ได้เพิ่ม Reels ขึ้นมาเพื่อรองรับ Short Clip บ้าง โดยมีการ Adapt ความ “ติดแกรม” ที่เป็นอัตลักษณ์เดิมของแพลตฟอร์มเข้าไปด้วย 

แต่ IG Reels และ TikTok เนี่ย เทสต์ของคอนเทนต์แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Reels จะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์และความ Aesthetic มากกว่า คอนเทนต์บน IG Reels มักดึงดูดกลุ่มที่สนใจ ไลฟ์สไตล์, แฟชั่น, ความงาม และครีเอเตอร์สาย Visual

อีกหนึ่งจุดแข็งของ IG Reels คือ การใช้ Music Trends และ Effect ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์เพิ่ม Reach และ Engagement ได้มากขึ้น Instagram มักจะดันคอนเทนต์ที่ มีภาพสวย คุมโทนดี และดูพรีเมียม เช่น แฟชั่น, บิวตี้, ฟิตเนส, และไลฟ์สไตล์ ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของแบรนด์

แม้จุดประสงค์หลักของ Reels คือการช่วยให้แบรนด์เติบโตและขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ไม่ต่างจาก TikTok แต่แพลตฟอร์มนี้ให้ความสำคัญกับ ความสวยงามและภาพลักษณ์ของแบรนด์ มากกว่า จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ สร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือผ่านภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง

3.Facebook Reels

มีหรือที่พี่ใหญ่อย่าง Facebook จะปล่อยให้แพลตฟอร์มน้องๆ นำหน้าไปอย่างเดียว ตัวเค้าก็มีฟังก์ชันวิดีโอสั้นอย่าง Facebook Reels ซึ่งเน้นไปที่การดึงดูดผู้ใช้ทุกช่วงวัย ทำให้ เนื้อหาที่เน้น Storytelling และคอนเทนต์แนวครอบครัว สังคม หรือธุรกิจ มักจะทำงานได้ดี 

สิ่งที่ Facebook Reels ทำได้ดีอีกหนึ่งข้อก็คือการผสานเข้ากับระบบของ Facebook อย่างสมบูรณ์ ทั้ง การแชร์ข้ามแพลตฟอร์มจาก Instagram, การแนะนำใน News Feed, และการเข้าถึง Community Groups ซึ่งช่วยให้คอนเทนต์กระจายตัวได้กว้างขึ้น

Facebook ยังดันคอนเทนต์ที่มี การมีส่วนร่วมสูง (Engagement) เช่น วิดีโอที่กระตุ้นให้คนคอมเมนต์, แชร์, และดูจบ โดยเฉพาะคอนเทนต์แนว ให้ความรู้ (Educational), บันเทิง (Entertainment), และวิดีโอไวรัลที่เล่นกับอารมณ์ของคนดู

สำหรับแบรนด์หรือครีเอเตอร์ที่ต้องการเข้าถึง กลุ่มแมสและคนที่มีพฤติกรรมเสพคอนเทนต์บน Facebook อยู่แล้ว การใช้ Facebook Reels ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะ เพิ่มการมองเห็น (Visibility), ขยายฐานผู้ชม และสร้าง Community ที่แข็งแกร่ง

4.Youtube Shorts

Youtube Short เปิดให้ใช้งานในปี 2021 หลังจากที่เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มวิดีโอมาอย่างยาวนาน ถึงเวลาที่่ Youtube ต้องปรับตัวจากคลิปแนวนอนเป็นคลิปแนวตั้งตามเทรนด์ โดยการผสานเข้ากับอีโคซิสเต็มของ YouTube อย่างสมบูรณ์ เชื่อมต่อวิดีโอสั้นเข้ากับวิดีโอยาวได้อย่างแนบเนียนเช่น การใช้ Shorts เป็นตัวเรียกผู้ชมเข้าสู่วิดีโอหลัก หรือดึงดูด Subscriber ใหม่ๆ ให้กับช่อง

5.LINE Voom

ใครจะไปเชื่อว่าแอปพลิเคชัน Chat อย่าง LINE จะมีฟังกั์ชัน LINE Voom เพื่อรองรับวิดีโอสั้นโดยเฉพาะ! แม้ในระดับโลกอาจจะยังไม่พูดถึง LINE มากนัก แต่ถ้าในประเทศไทย ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ป๊อปมาก

จุดเด่นของ LINE VOOM คือ การเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ LINE โดยตรง ซึ่งต่างจากแพลตฟอร์มอื่นที่ต้องดึงดูดผู้ชมใหม่ๆ แต่ LINE VOOM สามารถใช้ประโยชน์จาก ฐานผู้ใช้ที่มีอยู่แล้ว ทำให้คอนเทนต์สามารถกระจายไปยัง Timeline, Chat และ Notifications ได้แบบเนียนๆ

การเชื่อมต่อกับระบบ LINE Ecosystem เช่น การใช้ LINE Official Account (LINE OA) ควบคู่กับวิดีโอสั้น ทำให้แบรนด์สามารถดึงคนจากวิดีโอเข้า แชทส่วนตัวหรือสร้าง Engagement ผ่าน LINE Stickers และ Rewards ได้ง่ายขึ้น

สำหรับแบรนด์ที่ต้องการเจาะตลาดไทยและเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่อยู่บน LINE อยู่แล้ว LINE VOOM ถือเป็นช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อกับลูกค้าแบบใกล้ชิดผ่าน LINE OA 

สิ่งที่แบรนด์จะได้ประโยชน์จากการใช้กลยุทธ์วิดีโอสั้น

วิดีโอสั้นคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดตัวหนึ่งในโลกของการตลาด ไม่ว่าจะไปอยู่แอปฯ ไหนก็จะเริ่มเห็นแบรนด์เล็ก-ใหญ่เข้มข้นกับช่องทางนี้มากขึ้น หากว่าคุณต้องการมีตัวตนและทำให้คนไม่ลืมในยุคนี้ การเลือกวิดีโอสั้นให้เป็นหนึ่งในกลุยุทธ์ทางการตลาดเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ครับ ถึงตอนนี้ผมอยากสรุปประโยชน์ 3 ข้อที่แบรนด์จะได้รับจากการใช้กลยุทธ์วิดีโอสั้น

1.ประหยัด รวดเร็ว

แค่มือถือเครื่องเดียวก็สร้างคอนเทนต์ได้ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทำให้เราทำงานง่ายขึ้น สมัยก่อนการจะทำคลิปสักตัวต้องพึ่งกล้อง DSLR, ไมโครโฟนดีๆ ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ที่สเปคสูงๆ เพื่อรองรับการตัดต่อที่ลื่นไหล แต่เดี๋ยวนี้น่ะหรอ สมาร์ทโฟนดีๆ เครื่องเดียว จบ! พร้อมอัปโหลดผลงานได้เลย และด้วยความเป็น “วิดีโอสั้น” นี่แหละครับ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Production ที่เริ่ดหรูอลังการ ขอเพียงภาพสวย เสียงชัด เนื้อหาคม เท่านี้ก็ผลิตคอนเทนต์ดีๆ ได้แล้วครับ

2.เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ดูได้ทุกที่ทุกเวลา

ต่อจากข้อที่ 1 ด้วยความที่วิดีโอสั้นใช้ต้นทุนและเวลาอันน้อยนิดในการผลิต นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาครับ ทำให้ง่าย และรวดเร็วในการหาประเด็นต่างๆ มาทำคอนเทนต์ โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภทข่าวสาร การอัพเดตสถานการณ์ต่างๆ นั้นเร็วมาก ต่อให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดตอนตี 2 ตี 3 ก็ยังมีคลิปออกมาให้ดู ที่สำคัญคือ มีคนดูด้วย! เพราะมันไปถึงกลุ่มคนดูแน่นอนครับ ทั้งดูง่าย ใช้เวลาน้อยแบบนี้ เราช่วงชิงเวลาของลูกค้ามาสู่แบรนด์ของเราได้ไม่ยากเลยครับ 

3.เกิดการแชร์ต่อได้ง่าย มีอิมแพค

ด้วยระยะเวลาที่สั้นและการแข่งขันที่สูงขึ้นทุกวัน วิดีโอสั้นจึงต้อง “คม” ตั้งแต่แรกเห็น เพื่อดึงสายตาผู้ชมให้หยุดดูและสร้างแรงกระตุ้นให้แชร์ต่อ วิดีโอสั้นที่ประสบความสำเร็จมักสื่อสารประเด็นที่ ชัดเจน ตรงจุด และกระตุ้นอารมณ์ ภายในไม่กี่วินาที ทำให้ผู้ชมอินไปกับเนื้อหา และเมื่อพวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์มากพอ พฤติกรรมแชร์ต่อก็เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่ สร้างแรงบันดาลใจ, ตลก, หรือกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์ สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้วิดีโอสั้นกลายเป็นไวรัล และเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้คนได้แบบ Organic และมีอิมแพคมากที่สุด

สรุป

วิดีโอสั้นยังคงครองบัลลังก์ในปี 2025 และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอลง ตรงกันข้าม อิทธิพลของมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแพลตฟอร์มต่างๆ แข่งขันพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ชมที่ชอบคอนเทนต์สั้น กระชับ และเข้าถึงง่าย

 แบรนด์ที่พร้อมปรับตัว ใช้เทคโนโลยีให้เป็น และเข้าใจความต้องการของผู้ชม จะสามารถใช้วิดีโอสั้นเป็นเครื่องมือหลักในการ สร้างการมีส่วนร่วม เชื่อมต่อกับผู้บริโภค และขับเคลื่อนความสำเร็จทางการตลาดได้อย่างแท้จริง

สุดท้าย ความจริงใจและความเป็นธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่ผู้ชมให้ความสำคัญมากขึ้น คนดูจะเลือกเสพคอนเทนต์ที่รู้สึก “จริง” และเข้าถึงได้ มากกว่าการผลิตแบบโอเวอร์โปรดักชัน แบรนด์ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ จับต้องได้ ตรงใจ และสะท้อนตัวตนของผู้ชม จะเป็นแบรนด์ที่อยู่รอดและเติบโตไปพร้อมกับเทรนด์วิดีโอสั้นในอนาคต

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top